มีคุณแม่ท่านหนึ่งที่มีลูกเรียนอยู่ที่โรงเรียนสาธิตราชภัฎเชียงรายแล้วบังเอิญว่าลูกของคุณแม่คนดังกล่าวเพิ่งเดินทางกลับมาจากเที่ยวจากประเทศเกาหลีทีนี้คุณครูได้มีการส่งข้อความคุยกับคุณแม่ของเด็กโดยระบุว่าอยากจะให้เด็กทำการหยุดเรียนประมาณ 14 วันเพื่อกักตัว
ซึ่งคุณครูแจ้งว่าเพื่อเป็นความสบายใจของทุกฝ่ายและที่สำคัญมีกฎหมายออกมาบังคับหากไม่กระทำตามจะมีผลให้ดำเนินคดีตามกฎหมายซึ่งจริงๆแล้วน้องกลับมาจากเกาหลีได้ประมาณอาทิตย์หนึ่งแล้วแล้วหลังจากที่กลับมาคุณแม่ของเด็กก็ให้เด็กมาเรียนหนังสือทุกวันตั้งแต่วันที่ 22 ถึงวันที่ 24ซึ่งทางโรงเรียนได้มีการติดต่อแม่ของเด็กไปเมื่อวานให้เด็กหยุดเรียนทำให้คุณแม่ของเด็กเกิดความไม่พอใจ
โดยคุณแม่มีการนำข้อความที่คุณครูมีการพิมพ์ข้อความมาคุยด้วยไปโพสต์ลงใน Facebook ของตนเองซึ่งลักษณะของข้อความจะมีการระบุว่าถ้าหากลูกของตนเองมีการติดเชื้อไวรัสโควิด19จริงก็ให้ตายกันหมดทั้งโรงเรียนไปเลย ซึ่งทางหนึ่งโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงรายได้มีการออกหนังสือระบุเล่าถึงเหตุการณ์ว่ามีเด็กเดินทางไปเที่ยวเกาหลีแล้วกลับมาถึง
และเดินทางมาเรียนหนังสือที่โรงเรียนเลยเป็นเวลาสามวันซึ่งพอทางโรงเรียนทราบข่าวว่าได้แจ้งให้ทางเด็กหยุดเรียนเพื่อทำการกับตัวเพื่อตรวจสอบหาเชื้อโดยเบื้องต้นเด็กได้มีการไปตรวจที่โรงพยาบาลพบว่าไม่ได้รับการติดเชื้อแต่ทางโรงเรียนก็ยังต้องการขอให้เด็กนักเรียนคนนั้นกล่าวหยุดเรียนไปก่อนเพื่อเป็นการป้องกันทางโรงเรียนเองมาช่วยก็ได้มีการทำความสะอาดห้องเรียนห้องทำความสะอาดห้องพยาบาลและทำความสะอาดโรงเรียนเรียบร้อยแล้ว
ของเล่นแล้วก็ของเล่นโต๊ะเรียนโต๊ะนั่งเล่นซึ่งทางโรงเรียนยังบอกอีกว่านับตั้งแต่นี้ไปถ้ายังไม่ผลช่วงการระบาดของโรคไวรัสทางโรงเรียนจะยังต้องมีการทำความสะอาดของเล่นและโต๊ะเรียนทุกวันหลังจากที่เด็กนักเรียนมีการเลิกเรียนเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อซึ่งปัญหาตรงนี้จะไม่เกิดเลยถ้าหากพ่อแม่ของเด็กมีจิตสำนึกที่จะให้เด็กมีการกับตัวเองไว้ก่อนก่อนที่จะส่งเด็กมาโรงเรียน
ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ผู้ปกครองหลายคนที่ได้อ่าน Facebook ของแม่คนดังกล่าวเกิดความไม่พอใจเพราะถ้าใครได้เข้าไปอ่าน Facebook ของคุณแม่จะรู้ว่าคุณแม่มีความเห็นแก่ตัวมากแค่ไหนซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำทุกคนควรจะช่วยกันพยายามยับยั้งไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดมากกว่าจะมาพูดว่าถ้าตัวเองเป็นคนอื่นก็ควรจะต้องเป็นด้วย