ย้อนกลับไปเมื่อปี2552ก่อนที่จะถึงวันสงกรานต์เพียงแค่ไม่กี่วันข่าวอดีตฆาตกรรม1ที่ไดเกิดขึ้นที่เขตเมืองกรุงเทพมหานครก็ได้สร้างความตกตะลึงให้กับสังคมไทยไปอย่างไม่น้อยในคฤหาสน์หลัง1ซึ่งมันได้อยู่ลึกเข้าไปในย่านเปรียวซอยโพธิ์แก้วและยังไม่มีใครรู้เลยว่ากว่า7วันมากแล้วที่ร่างกายที่ไร้วิญญาณ
ที่ได้อยู่ในบ้านหลังนี้ได้ถูกฆ่าอย่างโหดเฮียมไร้ความปราณีสภาพศพที่ทุกคนนั้นที่ได้ถูกฆ่าก็ได้กระจายกันอยู่หลายจุด ซึ่งด้านศพทางสามีนั้นได้อยู่ในห้องครัว ศพภรรยานั้นได้อยู่ในห้องนอน ศพคนใช้อยู่ในห้องน้ำ และส่วน ศพลูกสาวกับลูกชายนั้นไปอยู่ที่ชั้นบนในห้องนอนกันทั้งคู่เหตุการณ์ในครั้งนี้ได้เกิดขึ้นมาตั้งแต่คืนในวันที่4จากนั้นก็ได้มีเจ้าหน้าที่นั้นได้เข้ามาพบในวันที่11เราไม่มีเจ้าพยานและไม่มีกล้องวงจรปิดมันเกิดอะไรขึ้นที่บ้านหรือนี้และมันคือสาเหตุอะไรที่ทำให้ทั้งครอบครัวประทุมวาสนาจะต้องมาจบชีวิตอย่างหน้าเศร้าสลด
ในความเงียบสนิดของบ้านที่ได้ตั้งห่างออกมาจากชุมชนแบบนรู้นั้นมันก็คงจะไม่แปลกเท่าไหร่นักหากว่าคนภายในบ้านยังได้เข้าออกและได้ติดต่อสืบสารกับคนภายนอกอย่างปกติแต่ในการที่ได้หายเงียบไปโดยที่ไม่ได้ติดต่อญาติเลย และ ไม่ได้ไปทำงานเป็นเวลาติดต่อการหลายวันของ นายธนยศ ปทุมวาสนา เจ้าของโรงงานเฟอร์นิเจอร์มันก็คงจะเป็นเรื่องที่มันผิดสังเกตุมันจึงทำให้ญาติของเขาก็ได้เริ่มที่จะสังหรณ์ใจว่ามันอาจจะมีเหตุร้ายบางอย่างที่จะเกิดขึ้นก็เป็นได้จากปากสารวัตว่าเขานั้นได้เจอศพพวกนี้ได้อย่างไร สารวัตได้บอกว่ามีน้องชายของผู้ที่เสียชีวิตนั้น
ได้เจนครอบครัวของพี่ชายเขาในวันสุดท้ายวันที่4ออกจากโรงงานและก็กลับบ้านจากนนั้นน้องชายของเขาก้ไม่สามารถที่จะเจนพี่ชายของอีกเลยจากนั้นน้องชายก็เลยสังสัยว่าทำไมติดต่อก็ไม่ได้โทรศัพท์ก็ปิดเครื่องจากนั้นน้องชายเขาก็เลยมาปีนรั้วมาส่องดูที่หน้าประตูจากนั้นเขาก็เห็นรถยนต์อัลพาร์ด
เมื่อก่อนมันจะจอดอยู่ในซองถ้าปีนขึ้นมาจะเห็นเลยจะจอดเป็นประจำรถยนต์อัลพาร์ดนั้นได้หายไปเขาก็ยังเข้าใจว่าได้พากันไปเที่ยว จากนั้นมาทางญาติเขาก็ได้รับแจ้งว่าได้พบรถยนต์ที่อยู่ที่บ้านหลังนั้นได้ไปจอดอยู่ที่แถวสมุทรสาครซึ่งรถยนต์ก็ได้จอดอยู่ในสภาพที่น้ำมันหมดจากนั้นทางญาติของผู้ที่เสียชีวิตก็ได้เดินทางไปดูที่รถยนต์คันดังกล่าวจากนั้นก็ได้โทรห็ญาติอีกฝ่ายหนึ่งได้เข้าไปดูที่ในบ้านปรากฏว่าเจอนอนเป็นศพอยู่ภายในบ้านเรียบร้อยแล้ว