เจ้าของอู่แท็กซี่ที่ลุง 72 ปีเช่าอยู่ออกมาแฉ ว่าพอลุงได้เงินแปดล้านแล้วหนีหายหนี้ก็ไม่ใช้
หากใครยังเคยจำได้เมื่อไม่นานมานี้ได้มีข่าวแท็กซี่คนหนึ่งอายุ 72 ปีได้มีการร้องไห้ออกสื่อโดยบอกว่าตนเองนั้นมีเงินติดตัวอยู่แค่เพียง 200 บาทไม่มีเงินที่จะไปทำการจ่ายค่าเช่ารถหรือแม้แต่เติมน้ำมันรถด้วยซ้ำรวมถึงยังบอกด้วยว่าตนเองนั้นหากินด้วยการขับรถแท็กซี่อยู่เพียงคนเดียวเท่านั้นโดยค่าเช่ารถที่ลุงวัย 72 ปี
ต้องจ่ายในทุกๆวันนั้นคือวันละ 300 บาทซึ่งเมื่อเหตุการณ์นี้มีการถูกแชร์ออกไปได้มีคนใจดีเป็นจำนวนมากต่างพากันโอนเงินเข้ามาเพื่อช่วยเหลือลุงขับแท็กซี่วัย 72 ปีดังกล่าวจนถึงขนาดเป็นข่าวโด่งดังว่าภายในคืนเดียวลุงขับรถแท็กซี่สามารถได้รับเงินช่วยเหลือที่โอนเข้ามาให้ฉันมาถึง 8 ล้านบาท
เลยทีเดียวซึ่งหลังจากนั้นก็มีนักข่าวติดตามไปขอสัมภาษณ์ลุงขับรถแท็กซี่กันเป็นจำนวนมากโดยมีการสอบถามถึงเงินที่ได้นี้ว่าจะนำไปทำอะไรบ้างซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็บอกว่าจะนำไปสร้างบ้านเพราะว่าไม่มีบ้านอยู่แล้วก็จะนำเงินที่เหลือไปทำการบริจาคทั้งให้กับทางโรงพยาบาลทั้งในเรื่องของการซื้ออุปกรณ์ดับไฟป่าและยังบอกอีกด้วยว่าจะนำเงินไปช่วยเหลือเพื่อนที่ขับรถแท็กซี่ด้วยกันโดยจะนำเงินเข้าไปในมูลนิธิเพื่อคนขับรถแท็กซี่
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่ลงให้สัมภาษณ์และมีการออกทางสื่อทีวีผู้คนต่างก็ยกย่องในตัวคุณลุงวัย 72 ปีนี้เป็นอย่างมากแต่หลังจากนั้นเจ้าของอู่ที่ลงไว้ 72 ปีได้มีการขับรถแท็กซี่ออกมาแฉถึงพฤติกรรมของลุงวัย 72 ปีนั้นว่าที่จริงแล้วคุณลุงไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างที่เคยให้ข่าวเขายังมีลูกชายและลูกสาวที่คอยดูแลอยู่อีกครั้งหลังจากที่ได้รับเงินช่วยเหลือจากคนใจดีนั้นมาถึง 8 ล้านบาทเขาไม่เคยใช้หนี้สินใครเลยไม่ว่าจะเป็นหนี้สินกับเจ้าของอู่เองหรือหนี้สินกับเพื่อนบ้านที่เคยมีการติดค้างเอาไว้และหลังจากได้เงิน 8 ล้านบาทไปลุงวัย 72 ปีก็หนีหายไปเลย
ไม่เคยกลับมากับพี่อีกและไม่เคยกลับมาอยู่ที่บ้านที่เคยอยู่อีกซึ่งทางเจ้าของอู่ยังได้มีการแชร์เรื่องราวเพิ่มเติมอีกด้วยว่าลงอาญา 72 ปีนั้นปกติแล้วเป็นคนที่เวลาใครทวงเงินก็มาโวยวายด่าพอแล้วชอบบอกว่าให้ไปฟ้องร้องเอาเองเพราะเขาจะไม่ยอมใช้หนี้รวมถึงบ้านที่เขาอยู่นั้นก็เป็นบ้านของภรรยาของเขาไม่ใช่ว่าเขาไม่มีบ้านซึ่งจากข้อมูลที่ทางเจ้าของอู่แท็กซี่ได้ออกมาเปิดเผยในครั้งนี้เป็นคดีพลิกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ซึ่งต้องรอคำยืนยันจากปากของโรงวัย 72 ปีเองว่าสิ่งที่เจ้าของอู่รถแท็กซี่ได้ออกมาพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่โดยทางเจ้าของอู่ลดนั้นยืนยันว่าทุกถ้อยคำนั้นเป็นความจริงซึ่งตอนที่เห็นข่าวครั้งแรกจากการสัมภาษณ์ของที่ตนเองยังคิดว่าคำพูดของโรงนั้นไม่ใช่เรื่องจริงแต่ก็ไม่กล้าที่จะออกมาแฉเรื่องราวดังกล่าวเนื่องจากว่าในช่วงเวลานั้นมีกระแสรุนแรงมากเกรงว่าถ้าหากพูดออกไปคนอื่นก็จะคิดว่าเจ้าของอู่รถอิจฉาคนขับแท็กซี่ดังนั้นเขาจึงปล่อยให้เรื่องเลยตามเลยแต่จนถึงตอนนี้ผ่านมาเป็นเดือนแล้วลงก็ได้เงินไปใช้งานเรียบร้อยแล้วถึง 8 ล้านบาทแต่ไม่ยอมใช้หนี้ทั้งเจ้าของอู่จึงจำเป็นต้องออกมาแชร์เรื่องราวดังกล่าวให้สังคมได้รับรู้
ได้รับการสนับสนุนโดย bk8 info